เอาจริงหรอ!! รัฐบาลเตรียมขึ้นภาษีรถเก่าเกิน 7 ปี อ้างแก้ปัญหามลพิษ

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 13 มิ.ย 2560
แชร์ 0

รัฐบาลเล็งเพิ่มภาษีรถเกิน 7 ปีอ้างแก้ปัญหามลพิษ ซึ่งเป็นประเด็นดราม่าครั้งใหญ่ของผู้ใช้งานรถยนต์ จากข่าวของมาตรการการปรับภาษี อัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่มีอายุมากกว่า 7 ปีขึ้นไป เพื่อต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อรถใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการลดมลพิษมากขึ้น ยังอยู่ขั้นตอนของกระบวนการเสนอ หรืออาจยกเลิกก็ได้

ส่วนมุมมองของประชาชนส่วนใหญ่มองว่า ถ้ารถมันถูกก็สามารถที่จะเปลี่ยนใหม่ได้ไม่ยาก แต่รถคันเก่าของเราล่ะจะเอาไปขายได้ที่ไหนใครจะซื้อเนื่องจากมันเกิน 7 ปีไปแล้ว จึงมีผู้ใช้รถแย้งกับประเด็นนี้เป็นจำนวณมาก อีกอย่างถ้ารัฐบาลต้องการลดมลพิษจริงทำไมไม่เข้าไปดูแลในส่วนรถเมล์ หรือรถสาธารณะ ทั้งนี้ทางผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้เผยว่า อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาอยู่ที่ 54,986 คัน หรือเพิ่มขึ้น 1.72% ซึ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และอาจมีแนวโน้มเพิ่มมากกว่านี้

โดยภาครัฐต้องช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อรถรุ่นใหม่อย่างเช่น รถยนต์ประหยัดพลังงาน Eco Car ที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดีมาตรการนี้อาจจะเป็นแค่เสนอขึ้นภาษีแต่ไม่ได้ห้ามใช้รถที่เกิน 7 ปี ก็เป็นไปได้ครับ แต่ถ้าเป็นแนวคิดที่ว่าเพื่อให้ลดจำนวนรถเก่าที่วิ่งบนถนน และกระตุ้นให้คนซื้อรถใหม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นรถมือสองที่ขายกันออกมาย่อมราคาตกลงมากๆ แต่ทั้งนี้มาตรากการนี้ก็ยังเป็นแค่แนวคิดของผู้เกี่ยวข้องบางคน ซึ่งยังไม่ได้นำมาสอบถามความคิดเห็นขององกรณ์ และประชาชน

เนื่องจากการปรับภาษีทะเบียนรถเก่าที่ใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไป อาจดูเหมือนกลยุทธ์สำหรับการกระตุ้นให้ซื้อรถใหม่ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและลดมลพิษที่มากขึ้น แต่แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ใช้รถยนต์เก่า หรือเจ้าของกิจการเต๊นท์รถมือสองอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็ยังคงต้องติดตามรอดูกันต่อไปครับว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ล่าสุดกระทรวงอุตสาหกรรมแจงข่าวลือโลกโซเชียลกรณีขึ้นภาษีรถเก่าเกิน 7 ปี กระตุ้นยอดขายรถใหม่เป็นข่าวเก่า ย้ำกระทรวงฯ ไม่เคยมีนโยบายกระตุ้นลักษณะนี้มาก่อน

“กระทรวงฯ ขอยืนยันว่าไม่เคยมีนโยบายเช่นนี้มาก่อน เข้าใจว่าข่าวนี้น่าจะเป็นข่าวเก่า เมื่อปี 2559 ในช่วงที่ สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรมรายเดือน ประจำเดือนเมษายน 2559 จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนเชื่อและส่งต่อข่าวนั้นๆ เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้น” โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวทิ้งท้าย