ขับรถลุยน้ำอย่างไรไม่ให้รถพัง พร้อมวิธีบำรุงรถหลังพาลุยน้ำท่วม

ประสบการณ์ใช้รถ | 30 ก.ย 2562
แชร์ 3

รู้ให้ทันวันฉุกเฉินในหน้าฝนสุดอันตราย! ทำอย่างไร ? หากต้องขับรถลุยกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างเหตุการณ์น้ำท่วม พร้อมแนะนำวิธีบำรุงรักษารถ หลังพารถไปออกศึกทางน้ำ

เหตุการณ์สุดวิสัยบนท้องถนน เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต่างภาวนาให้มันไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่คำว่าสุดวิสัยมันก็คือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน สิ่งที่ทำได้ก็คือจัดการหาวิธีรับมือเพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ไปให้ได้ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันในเส้นทางที่ผู้ใช้รถกำลังใช้งาน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนอย่างนี้ อาจเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

ขับรถลุยน้ำอย่างไรไม่ให้รถพัง พร้อมวิธีบำรุงรถหลังพาลุยน้ำท่วม

ขับรถลุยน้ำอย่างไรไม่ให้รถพัง พร้อมวิธีบำรุงรถหลังพาลุยน้ำท่วม

 

และเมื่อเกิดขึ้นมากับผู้ที่กำลังเดินทาง การขับรถลุยน้ำท่วมจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีรับมือ Chobrod จะมาแนะนำ ข้อปฏิบัติในการขับรถลุยน้ำท่วมสำหรับช่วงฤดูฝนนี้ ตั้งแต่ขั้นตอนการขับลุยน้ำไปจนถึงการดูแลรักษาหลังจากผ่านน้ำท่วม รับรองว่าการขับรถลุยน้ำจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป

ประเมินระดับน้ำให้เป็น

สิ่งที่สำคัญอย่างแรกเมื่อมีความเป็นต้องขับรถลุยน้ำ นั่นคือต้องประเมินระดับความสูงของน้ำก่อนเป็นลำดับแรก โดยความสูงระดับน้ำที่ปลอดภัยและสามารถขับลุยไปได้จะอยู่ที่ไม่เกิน 30 เซนติเมตร โดยสามารถสังเกตุได้จากระดับฟุตปาธที่ทั่วไปมักจะสูงกว่าพื้นถนประมาณ 15 เซนติเมตร ถ้าหากน้ำสูงจนไม่สามารถมองเห็นขอบฟุตปาธได้ ถือว่ามีความเสี่ยงหากจะต้องลุยน้ำ หากเป็นรถคันใหญ่ ระดับน้ำที่เหมาะสมไม่ควรจะเกินครึ่งล้อรถยนต์

ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด

จะน้ำตื้นหรือน้ำลึก ห้ามเปิดแอร์แล้วขับลุยน้ำ เพราะนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้รถดับ เพราะเมื่อเราเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน และใบพัดก็พัดให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง อีกทิ้งยังพัดสารพัดสิ่งของที่ติดมากับน้ำเข้ามาติดในเครื่อง อย่างขยะ ใบไม้ ซึ่งเมื่อทับถมเข้ามามาก ๆ ก็อาจเข้ามาพัดจนทำให้ใบไม้หักลงได้ ทำห้ระบบความร้อนมีปัญหาร้ายแรงสุดก็ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ และนั่นทำให้เราขับรถต่อไปไม่ได้ ให้ใช้วิธีปิดแอร์แล้วลดกระจกขณะขับรถลุยน้ำท่วมแทน

ใช้เกียร์ต่ำและอย่าเร่งเครื่องให้รอบสูง

สำหรับเกียร์ธรรมดา ให้ใช้เกียร์ 1 หรือเกียร์ 2 เท่านั้น ส่วนเกียร์อัตโนมัติให้ใช้เกียร์ต่ำสุดของแต่ละรุ่น อาจเป็นเกียร์ 1 หรือเกียร์ L และไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง ๆ ซึ่งผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าต้องเร่งเครื่องแรง ๆ เพราะกลัวเครื่องดับและกลัวน้ำเข้าท่อไอเสีย

การเร่งเครื่องขณะรถลุยน้ำ อาจทำให้ก้านสูบแตกหักและทำให้เครื่องดับได้

การเร่งเครื่องขณะรถลุยน้ำ อาจทำให้ก้านสูบแตกหักและทำให้เครื่องดับได้

 

แต่อันที่จริงเป็นความคิดที่ผิด เพราะเมื่อยิ่งเร่งเครื่องให้แรง เครื่องยนต์จะดูดอากาศเข้าเครื่อง หากเป็นจังหวะที่น้ำกระฉอกเข้ามาเยอะพอดี อาจทำให้มีปัญหาก้านสูบแตกหัก เป็นเหตุให้เครื่องน็อคและดับได้ ให้เดินคันเร่งเบา ๆ ใช้รอบต่ำ ๆ ก็เพียงพอที่จะดันน้ำออกมาได้อย่างสบาย ๆ แล้ว และมั่นใจได้ว่ารถไม่ดับแน่นอน เพียงแต่ให้ใช้ความเร็วในระดับที่สม่ำเสมอก็เพียงพอให้รักษารอบเครื่องยนต์ไว้ที่ประมาณ 1,500-2,000 รอบต่อนาที

ควบคุมระดับความเร็วให้เป็น

หลีกเลี่ยงการขับรถเร็วในขณะฝ่าน้ำท่วม

หลีกเลี่ยงการขับรถเร็วในขณะฝ่าน้ำท่วม

 

ในระหว่างที่ขับรถลุยน้ำนั้น ไม่ควรขับรถให้เร็วเพราะอาจทำให้เกิดคลื่นน้ำที่จะกระทบเข้ากับขอบทางเท้าหรือสิ่งกีดขวาง รวมถึงอาจเกิดคลื่นกระทบกันกับรถที่สวนทางมา ที่จะย้อนกลับเข้ามาที่ตัวรถได้ นอกจากนี้ให้รักษาระยะในการขับระหว่างรถของตัวเองกับรถคันหน้า เพื่อได้มีจังหวะที่สามารถประเมินสถานการณ์ของเส้นทางและพื้นผิดถนนที่จมอยู่ใต้น้ำได้ หรือหากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือให้รถคันหน้าช่วยตรวจสอบความปลอดภัยและช่วยนำทางนั่นเอง การขับรถผ่านบริเวณน้ำขัง ให้ควบคุมความเร็วอยู่ที่ประมาณ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ดูเพิ่มเติม
>> 
FIVE FACT : 5 เหตุการณ์เกี่ยวกับรถในฤดูฝน
>> ระดับน้ำท่วมที่รถยนต์ลุยได้ เก๋ง กระบะ น้ำลึกแค่ไหนที่ปลอดภัย?!

หลังจากรถขึ้นจากน้ำ ควรทำอย่างไรในทันที ?

เมื่อสามารถพารถฝ่าสมรภูมิทางน้ำมาได้แล้ว สิ่งที่ควรทำทันทีหลังจากรถขึ้นจากน้ำ คือไม่ควรดับเครื่องในทันที ถึงแม้จะถึงจุดหมายแล้วก็ตาม เพราะอาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย ควรสตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก พร้อมสังเกต ถ้ามีไอควันออกมาจากท่อไอเสียก็ไม่ต้องตกใจ ให้สตาร์ตรถทิ้งเอาไว้ก่อนสักพัก เพื่อให้น้ำในหม้อทำการระเหยออกไป ป้องกันการตกค้างของน้ำในหม้อ ที่จะส่งผลให้เกิดอาการผุพังในภายหลังได้

สตาร์ตรถทิ้งเอาไว้สักพักหลังจากรถขึ้นจากน้ำและย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ

สตาร์ตรถทิ้งเอาไว้สักพักหลังจากรถขึ้นจากน้ำและย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ

 

จากนั้นให้ย้ำเบรกเพื่อทำการไล่น้ำ เพราะหลังจากทำการลุยน้ำลึกมา รถจะทำการเบรกไม่อยู่ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อรถเครื่องยนต์เป็นอย่างมาก การย้ำเบรกจะทำการไล่น้ำออกจากระบบเบรก ในเกียร์ธรรมดาต้องการมีการย้ำคลัชท์ เช่นเดียวกับการย้ำเบรก เพราะเมื่อลุยน้ำมาก็อาจมีปัญหาคลัชท์ลื่นได้ด้วยเช่นกัน

วิธีการดูแลรักษารถหลังพาไปลุยน้ำ

หลังพารถไปลุยน้ำมา ยังต้องมีวิธีบำรุงรักษาดูแลรถยนต์ต่อจากนี้ด้วย และมีจุดที่ต้องตรวจสอบด้วย โดยมีวิธีบำรุงดูแลที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองดังต่อไปนี้

มีอีกหลายจุดที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมหลังพารถไปลุยน้ำ

มีอีกหลายจุดที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมหลังพารถไปลุยน้ำ

 

  • ล้างรถ : ทำการฉีดน้ำเข้าไปในบริเวณใต้ท้องรถ บริเวณซุ้มล้อ เพื่อชะล้างเศษทรายที่เกาะติด รวมไปถึงเศษขยะ เศษหญ้าต่าง ๆ ที่ติดอยู่
  • สำรวจน้ำมันเกียร์ : ดูว่ามีสีผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีน้ำเข้า สีน้ำมันเกียร์จะมีขุ่น มีลักษณะคล้ายสีชาเย็น ถ้าเป็นไปได้ให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ โดยตรวจสอบว่าก้านวัดน้ำมันเกียร์ถูกน้ำท่วมซึมเข้าไปหรือไม่ เพราะเช่นนั้นจะมีความเสี่ยงที่ระบบเกียร์จะพัง
  • ตรวจลูกปืนล้อ : เมื่อเจอน้ำ ลูกปืนล้อจะดังเวลาวิ่งด้วยความเร็ว โดยปกติลูกปืนล้อสามารถวิ่งผ่านน้ำได้ แต่ถ้าต้องไปแช่น้ำมีโอกาสสูงมากที่จะพัง ซึ่งอาจมีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนหากรถของคุณไปเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าวมา
  • ตรวจสอบพื้นพรมในรถ : ดูว่าพรมผ้าในรถจะเปียกชื้นหรือเปล่า เพราะหลังพารถไปลุยน้ำมา มีโอกาสสูงมากที่น้ำจะซึมเข้ามาในห้องโดยสาร ลองเปิดผ้ายาง เปิดพรม แล้วเอามือกดแรง ๆ เพื่อตรวจสอบดู หรือลองให้เอากระดาษซับว่ามีน้ำอยู่หรือไม่ ถ้าพบว่าเปียกก็ถึงเวลารื้อถอดมาทำความสะอาดแล้ว เพื่อความสะอาด และสุขอนามัยที่ดีในการโดยสารรถ

ในทุกการเดินทางล้วนมีความเสี่ยง ทุกเหตุการณ์สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด ๆ สิ่งที่ทุกคนพึงมีและควบคุมให้อยู่ก็คือสติ และความไม่ประมาทหวาดหวั่น เพื่อให้การรับมือต่อภาวะฉุกเฉินนั้นเป็นไปได้ง่ายและคล่องตัวขึ้น ที่สำคัญการเก็บสะสมความรู้ถึงเรื่องต่าง ๆ รอบตัวก็เป็นวิธีการเตรียมความพร้อมที่ดี หากเกิดอะไรขึ้นมาโดยไม่คาดคิด คุณก็จะสามารถผ่านมันไปได้แม้ว่าจะเลวร้ายสักแค่ไหนก็ตาม

Chobrod เองก็หวังว่า สาระและเรื่องราวน่ารู้ท่ี่นำมาเสนอในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ให้แก่ทุกท่านผู้ใช้รถ และเราก็ขอเป็นกำลังใจให้แก่ทุกคน หมั่นดูแลทั้งรถและก็สุขภาพของตนเช่นกัน สำหรับการเดินทางช่วงหน้าฝนนี้และทุก ๆ การเดินทางของคุณ

ดูเพิ่มเติม
>> 
รถน้ำท่วม ดูยังไง บอกวิธีเช็กและซื้อมือสองไม่ต้องกลัวย้อมแมว
>> จะเคลมได้ไหม? เคลมได้หรือเปล่า โดนน้ำท่วมประกันรถยนต์จ่ายให้เท่าไหร่?
 

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการ ซื้อรถยนต์ราคาถูก สภาพดี เชิญเข้าดูที่ chobrod.com

ANNOiNA
Avatar

ANNOiNA

บรรณาธิการ
ทุกอย่างมีเหตุและผลของมันเสมอ