รวมคำถามล้วงคำตอบเรื่อง “ประกันภัยรถยนต์” ที่เราไม่เคยรู้ !!

ประสบการณ์ใช้รถ | 4 เม.ย 2562
แชร์ 2

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวน่ารู้ของประกันภัยรถยนต์ที่บางคนยังไม่รู้กันบ้างนะคะ แน่นอนว่ามันมีหลายเรื่องที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินแต่ก็ไม่ชัวร์ว่า เอ๊ะ .. แบบนี้มันได้ไหมหนอ วันนี้เรามาบอกกล่าวกันแบบเต็มสตรีมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยน่ารู้เลยค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไปชมกันเลย

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เดี๊ยนก็จะมาบอกเล่าเพื่อนๆ เกี่ยวกับเรื่องราวน่ารู้ของประกันภัยรถยนต์ที่เราไม่เคยรู้กันบ้างดีกว่าค่ะ ว่าเรื่องของประกันรถยนต์เขามีอะไรให้น่ารู้อีกบ้าง ถ้าพูดกันตรงๆ ประกันภัยรถยนต์นั้นเป็นหลักประกันชั้นดีสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์เป็นประจำหรือว่าชอบใช้เวลาอยู่กับรถนั่นเองค่ะ เนื่องจากอุบัติเหตุทุกวันนี้เกิดขึ้นทุกวี่ทุกวันและเราไม่สามารถกำหนดได้ว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้อีกเมื่อไหร่ แต่ถ้าหากเราทำประกันรถยนต์ไว้ก็หายห่วงค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ

รวมคำถามล้วงคำตอบเรื่อง “ประกันภัยรถยนต์” ที่เราไม่เคยรู้ !!

ประเภทการประกันภัย

เป็นสิ่งที่เพื่อนๆ หลายคน ควรจะเลือกให้เหมาะกับตัวเรามากที่สุด เพราะประเภทการประกันภัยภาคสมัครใจ จะมีผลกับเงื่อนไขในการรับประกันตัวรถยนต์ของเรากับบริษัทประกันภัย โดยประเภทของประกันภัยภาคสมัครใจ สามารถแบ่งตามความนิยมได้ด้วยกันทั้งหมด 3 ประเภท คือ


• ประกันภัยประเภท 1 หรือ ชั้น 1 : เป็นประกันที่มีความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด โดยมีจุดเด่นคือ

คุ้มครองตัวรถจากกรณี รถหาย ไฟไหม้ และสามารถแจ้งเคลมได้แม้ไม่มีคู่กรณี เช่น การถอยชนเสาไฟฟ้า, ฟุตบาท, กระจกแตกจากหิน เป็นต้น


• ประกันภัยประเภท 2 หรือ ชั้น 2 : ปัจจุบันประกันชั้น 2 ส่วนใหญ่ จะเริ่มได้รับความนิยมน้อยลง

เนื่องจากการบางบริษัทประกันภัยได้ปรับเปลี่ยนให้กลายร่างเป็น ประกันแบบ 2+ หรือ 2 Plus เกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งประกันแบบ 2+ จะมีการคุ้มครองที่ครอบคลุมใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 แต่ค่าเบี้ยประกันที่ลดลง และไม่คุ้มครองในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี โดยเหมาะสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไป หรือ ผู้ที่ทำประกันชั้น 1 แล้วไม่ค่อยได้ใช้สิทธิ์


• ประกันภัยประเภท 3 หรือ ชั้น 3 : เป็นประเภทเริ่มต้นของการทำประกันภาคสมัครใจ โดยตัว

กรมธรรม์จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายที่เกิดกับคู่กรณีเท่านั้น ประกันประเภทนี้จึงค่าเบี้ยประกันที่ถูกกว่าสองประเภทแรก และในปัจจุบันหลายบริษัทประกันภัย ได้มีทางเลือกให้ผู้เอาประกันสามารถเลือกเพิ่มสิทธิ์การคุ้มครองเป็นแบบ 3+ ได้ ซึ่งจะได้รับสิทธิ์การคุ้มครองการชนแบบมีคู่กรณีด้วย

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ให้ดีๆ นะคะ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ให้ดีๆ นะคะ

ดูเพิ่มเติม
>> เที่ยวสงกรานต์เดินทางไกล เลือกรถคันไหนดี? มาหาคำตอบกัน!
>> ถามมา-ตอบไป : การจองเลขทะเบียนรถต่างจังหวัดต้องทำอย่างไรบ้าง?

หากเสียชีวิตในรถ ประกันจะคุ้มครองหรือไม่?

หากเสียชีวิตในรถ ประกันจะคุ้มครองหรือไม่?

หากเสียชีวิตในรถ ประกันจะคุ้มครองหรือไม่?

เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ารู้ที่ยังมีหลายคนสงสัยกันอยู่ไม่หายกับเหตุการณ์เสียชีวิตในรถยนต์แล้วประกันจะคุ้มครองหรือไม่ อย่างแรกทางประกันจะแยกพิจารณาตามประกันภาคบังคับและประกันภาคสมัครใจ ประกันภาคบังคับก็คือ พ.ร.บ. ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองนั่นเอง เหตุมาจากว่าไม่ได้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการใช้รถค่ะ ส่วนประกันภาคสมัครใจนั้น คือประกันภัยรถยนต์ชั้น 1, 2+, 3+ และ 3 ค่ะ ซึ่งเราจะได้รับความคุ้มครองตามเอกสารต่างๆ ที่แนบไปในตอนท้าย ในส่วนของกรณีเสียชีวิตในรถยนต์นั้นทางประกันก็มีสิทธิ์คุ้มครองตาม ร.ย. 01 เป็นการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ในกรณีบาดเจ็บเราจะได้รับความคุ้มครองเป็นการประกันค่ารักษาพยาบาลตามความคุ้มครองของ ร.ย. 02 ค่ะ

ความหมายของ “เคลมสด” และ “เคลมแห้ง”

มาทำความเข้าใจเรื่องของการ เคลมสด กับ เคลมแห้ง กันก่อนดีกว่าค่ะ การเคลมสดก็คือการที่พนักงานต้องออกตรวจสอบเอง ณ ที่เกิดเหตุค่ะ เช่นในกรณีที่รถชนนั้นมีคู่กรณีหรือมีผู้บาดเจ็บ และรถของเราหรือคู่กรณีเสียหาย ซึ่งการเคลมประเภทนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์นั้นจะต้องเอาประกันหรือคู่กรณีจะได้รับใบหลักฐานในการติดต่อค่าเสียจาก พนักงานเคลม ซึ่งเราสามารถนำไปติดต่อซ่อมกับอู่ในเครือของบริษัทประกันได้ทันที

เคลมแห้ง คือ การเคลมที่ไม่ต้องการให้พนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุออกตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยและไม่มีคู่กรณีนั่นเองค่ะ ซึ่งการเคลมแบบนี้ ผู้ใช้รถสามารถเอาประกันนำรถคันที่มีประกันเดินเรื่องติดต่อที่ศูนย์อู่ซ่อมในเครือของบริษัทฯได้ตลอดเวลา ตามที่ผู้ขับขี่สะดวกเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องใช้ก่อนกรมธรรม์หมดอายุนะคะ

กรณีที่ไม่มีใบขับขี่ ทางประกันจะจ่ายค่าคุ้มครองให้หรือไม่ ?

กรณีที่ไม่มีใบขับขี่ ทางประกันจะจ่ายค่าคุ้มครองให้หรือไม่ ?

กรณีที่ไม่มีใบขับขี่ ทางประกันจะจ่ายค่าคุ้มครองให้หรือไม่ ?

กรณีที่ผู้ขับขี่เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่ทางผู้ขับขี่เองไม่เคยได้รับใบอนุญาตขับขี่มาก่อน นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ทางบริษัทประกันจะต้องปฏิเสธความคุ้มครองบางส่วนออกไปค่ะ โดยทางบริษัทประกันนั้นจะพิจารณาความคุ้มครองเป็นหมวดๆ ไป เช่นกรณีที่มีความสำคัญดังนี้ ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก ทางประกันจะเป็นฝ่ายจ่ายค่ารับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกทั้งร่างกายและทรัพย์สินเต็มจำนวนค่ะ ในกรณีที่เป็นฝ่ายถูกนั้นทางประกันจะเป็นฝ่ายคุ้มครองและคุ้มครองความเสียหายรถที่ติดประกันไว้ค่ะ ส่วนกรณีที่เป็นฝ้ายผิด ทางประกันจะไม่คุ้มครองค่ะ แต่ทางกรมธรรม์แบบระบุผู้ขับขี่นั้นตอนเกิดอุบัติเหตุจะเป็นผู้ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์คุ้มครองโดยตรง เนื่องจากว่ากรมธรรม์แบบระบุผู้ขับขี่นั้น ถือว่าทางบริษัทประกันได้พิจารณาความสามารถของผู้ขับขี่ที่ระบุไว้ดีแล้วในตอนรับทำประกันรถยนต์ ทั้งนี้ในทางปฏิบัติทางบริษัทประกันรถจะขอเอกสารใบขับขี่ของผู้ที่ต้องการระบุเป็นผู้ขับขี่ก่อนทำประกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  และความคุ้มครองในกรณีต่างๆ เช่น รถหาย น้ำท่วม คุ้มครอง เป็นต้น เนื่องจากว่าผู้ขับขี่นั้นไม่สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อเหตุการณ์เหล่านี้ได้ค่ะ

ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองการก่อการร้ายหรือไม่ ?

ประกันรถยนต์แทบจะทุกบริษัทนั้นไม่คุ้มครองและไม่จ่ายสินไหมทดแทนให้ค่ะ แต่ถ้าหากเกิดภัยก่อการร้ายขึ้นมา หลายคนยังคงเจ้าใจว่าประกันภัยชั้น 1 นั้นจะคุ้มครองรถผู้เอาประกันในทุกกรณี และเมื่อเกิดความเสียหายเนื่องจากภัยก่อการร้าย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ทางประกันจะไม่มีค่าสินไหมทดแทนให้นะคะเพราะว่าตามเอกสารที่แนบท้าย ร.ย. 30 นั้นจะระบุรายละเอียดเรื่องการยกเว้นระบุเอาไวอยู่ ดังนั้นผู้ใช้จึงควรระวังในเรื่องของการใช้รถยนต์ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมหรือก่อการร้าย ถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ขึ้นจนรถได้รับความเสียหายหนัก มีทางเดียวที่สามารถทำได้คือ ยกเลิกกรมธรรม์ค่ะ และเอาเบี้ยประกันส่วนที่เหลือคืน โดยทางบริษัทประกันจะจ่ายคืนตามอัตราที่ราคาประกันภัยกำหนดไว้

ต้องมีทุนประกันเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ?

ต้องมีทุนประกันเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ?

ต้องมีทุนประกันเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ?

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้น ทุนที่เหมาะสมที่สุดคือประมาณ 80% ของราคารถยนต์ ณ ปัจจุบันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ราคารถยนต์ปัจจุบันอยู่ที่ 600,000 บาท ทุนประกันที่เราควรทำก็คือ 500,000 บาท นอกจากนี้ทุนประกันก็ยังสามารถยืดหยุ่นได้เล็กน้อย และกรณีที่เรานำรถยนต์ไปติดตั้งอุปกรณ์เสริมพิเศษต่างๆ รวมกันแล้วมูลค่าเกินกว่า 20,000 บาท ควรจะแจ้งให้บริษัทประกันภัยทราบก่อนทำประกันนะคะ เพื่อเพิ่มทุนประกันให้เหมาะสมและคุ้มครองความเสียหายของอุปกรณ์ตกแต่งด้วยค่ะ

เรื่องของประกันภัยรถยนต์นั้น จำเป็นมากสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์บ่อยๆ อย่างเรานะคะ รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดีค่ะ หากใครที่คิดจะทำประกันรถยนต์แล้วล่ะก็อย่าลืมเช็คและศึกษาให้ดีนะคะ ก่อนที่จะทำประกันแต่ละประเภท จะได้ไม่ต้องมีปัญหาทีหลังค่ะ สำหรับวันนี้ เดี๊ยนต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่คอนเทนต์หน้า สวัสดีจ้า

ดูเพิ่มเติม
>> ซื้อรถป้ายแดงจะรันอินอย่างไรให้ถูกต้อง
>> มือใหม่แต่ใจร้อน! ขับรถอย่างไรไม่ให้อารมณ์เสีย เทคนิคสำคัญที่คนขับมือใหม่ควรใส่ใจ

ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่ 
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้

Maelyn A.