ร้อนนี้ดูแลรถยนต์อย่างไร ให้รถยนต์ “ไม่ร้อนจนไหม้”

ประสบการณ์ใช้รถ | 26 เม.ย 2562
แชร์ 0

ตอนนี้เป็นเดือนเมษายน ซึ่งเข้าสู่หน้าร้อนกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในบางพื้นที่นั้นมีอุณหภูมิที่ค่อนข้างจะสูงขึ้นกว่าปกติและทำให้เครื่องยนต์ของเรานั้นร้อนจนเครื่องฮีทเลยก็ว่าได้ วันนี้ทาง chobrod จึงมีทริคแนะนำดีๆ เพื่อที่จะให้เพื่อนๆ ได้ดูแลรถยนต์กันอย่างสบายใจ กันรถยนต์ไหม้กันด้วยจ้า

เดือนนี้มันร้อน ร้อน ร้อน !! ร้อนจนแทบจะทำให้เราหลอมละลายไปกับแสงแดดเลยล่ะค่ะเดือนเมษายนนี้ บางจังหวัดนั้นร้อนละอุจนความร้อนทะลุปรอทไปถึง 40 กว่าองศา! แต่วันนี้นอกจากร่างกายเรานั้นจะร้อนจนเกือบจะเป็นไฟกันแล้วนั้น รถยนต์ของเราเองก็ร้อนเช่นกันค่ะ ซึ่งเร็วๆ นี้ได้มีข่าวเกี่ยวกับรถยนต์เกิดประกายไฟลุกไหม้ที่จังหวัดสุรินทร์นี้เอง ซึ่งข่าวนี้ก็เป็นที่ฮือฮาไปทั่วเกี่ยวกับความร้อนในประเทศไทยเรา ดังนั้นวันนี้ เดี๊ยนจึงนำวิธีดูแลรถยนต์ของเราอย่างไรให้ไม่เกิดประกายไฟ “ลุกไหม้” และไม่ทำให้เครื่องยนต์ของเรานั้นร้อนเกินไป เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่ามีวิธีไหนที่สามารถทำได้บ้าง ตามมาเลย !

ร้อนนี้ดูแลรถยนต์อย่างไร ให้รถยนต์ “ไม่ร้อนจนไหม้”

ร้อนนี้ดูแลรถยนต์อย่างไร ให้รถยนต์ “ไม่ร้อนจนไหม้”

I. สาเหตุต่างๆ ที่ทำให้เกิดไฟลุกไหม้รถยนต์

าเหตุมาจากหลายอย่างด้วยกันค่ะ แต่เราสามารถป้องกันและรับมือไว้ก่อนได้

สาเหตุมาจากหลายอย่างด้วยกันค่ะ แต่เราสามารถป้องกันและรับมือไว้ก่อนได้

นอกจากจะมีอากาศที่เป็นตัวการทำให้รถยนต์ของเรานั้นเกิดอาการร้อนจนเครื่องฮีท แย่กว่านี้คือรถยนต์ของเรานั้นร้อนจนไฟไหม้ อันเนื่องมาจาก อย่างแรก สายไฟในห้องเครื่องอาจจะเกิดอาการชำรุดหรือหลวม ซึ่งตรงนี้เดี๊ยนอยากจะให้เพื่อนๆ เช็คกันให้ดีเพราะเรื่องไฟกับรถยนต์นี่มันค่อนข้างจะอันตราย รถยนต์ของเราเสียหายไม่ว่าแต่ชีวิตเรามันไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาได้เหมือนรถยนต์นะคะ ต่อมาเป็นระบบของเหลวต่างๆ ค่ะ เช่นน้ำมันเชื้อเพลิงเอย น้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ต่างๆ ต้องเช็คดูให้แน่ใจเลยว่ามีรั่ว มีไหล ตรงจุดไหนหรือเปล่า เพราะมิเช่นนั้นอากาศร้อนๆ แบบนี้ มันทำให้เกิดประกายไฟได้ง่ายขึ้นนะคะ อันดับที่สาม แน่นอนว่าเป็นเรื่องของพัดลมในห้องเครื่องค่ะ พัดลมในห้องเครื่องนั้นมีหน้าที่ระบายความร้อน แต่ถ้าหากเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้เกิดเสียและไม่ทำงานขึ้นมานั้น

ความร้อนในเครื่องยนต์ของเราก็จะยังคงระอุในนั้น สามารถทำให้เครื่องยนต์เกิดอาการฮีทได้ค่ะ ดูและเช็คในส่วนของอุปกรณ์กรองอากาศและก๊าซพิษต่างๆ ที่เป็นตัวการทำให้อุณหภูมิในรถยนต์ของเราสูงขึ้น ทั้งนี้เราจะต้องดูแลอุณหภูมิเจ้าตัวกรองก๊าซและอากาศให้ดีเลยค่ะเพราะว่ายิ่งอากาศร้อน มาเจอกับก๊าซพิษที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นนั้น มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะทำให้เกิดการเผาและไฟลุกไหม้ได้ง่ายดาย ต่อมาเป็นเรื่องของการเกิดอุบัติเหตุที่เราจะต้องระวังกันให้ดีค่ะ นั่นก็คือ การที่รถชนกันอย่างรุนแรง เหตุการณ์นี้วสามารถเกิดขึ้นได้และส่งผลทำให้รถยนต์ของเรากระแทกกับถังน้ำมันอย่างจัง จึงทำให้เกิดระบบไฟฟ้าภายในร้อนและลุกไหม้ได้อย่างฉับพลันค่ะ

II. หากอากาศร้อนมาก วิธีดูแลรถยนต์ไม่ให้เกิดไฟลุกไหม้นั้น สามารถทำได้อย่างไร ?

1. ทำการเช็คและตรวจสอบหม้อน้ำรถยนต์

อย่าให้หม้อน้ำแห้งและล้นจนเกินไป

อย่าให้หม้อน้ำแห้งและล้นจนเกินไป เอาให้อยู่ในเกณฑ์ที่พอดี

แน่นอนว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ ก่อนที่เราจะออกไปไหนมาไหนนั้นยิ่งอากาศแบบนี้เราควรที่จะเช็คหม้อน้ำรถยนต์ของเราให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่เกิดอาการหม้อน้ำแห้งหรือว่าเครื่องยนต์ไม่ทำงาน ทางที่ดีเพื่อนๆ ควรจะพกขวดน้ำที่มีน้ำบรรจุไว้เพื่อเติมในหม้อน้ำไว้สักขวดสองขวดนะคะ เผื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาเราจะได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลเขาอย่าให้เขาขาดน้ำเป็นอันขาด เปรียบเทียบกันกับร่างกายมนุษย์หากว่าร่างกายขาดน้ำเกิดไปก็จะทำให้เราเป็นลมได้ หากว่ามีน้ำที่ต่ำเกินกว่าเกณฑ์ที่เรากำหนดไว้ แต่ห้ามเติมเกินจนล้นนะคะ เพราะอาจจะสร้างปัญหาให้กับเครื่องยนต์ภายในเราได้ค่ะ

ดูเพิ่มเติม
>> ทำไงดี ! เมื่อ “กุญแจรีโมทรถยนต์” ไม่ทำงาน มีสาเหตุอะไรบ้างพร้อมวิธีแก้ไข
>> ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) คืออะไร ทำงานอย่างไร? มาหาคำตอบกัน!

เช็ครอยรั่วของท่อน้ำมันเชื้อเพลิง

เช็ครอยรั่วจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้ดีก่อนที่จะสตาร์ทรถยนต์

เช็ครอยรั่วจากถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้ดีก่อนที่จะสตาร์ทรถยนต์

แน่นอนว่ารถยนต์ของเรานั้นใช้น้ำมันเป็นตัวหล่อลื่นในการวิ่งค่ะ เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้เราเกิดประกายไฟได้ง่ายขึ้นนั้นมันก็อยู่ที่ตัวน้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเอง หากว่าเราตรวจพบเจอว่าท่อน้ำมันเชื้อเพลิงของเรานั้นมีอาการรั่วให้เรารีบซ่อมแซมและแก้ไขทันทีค่ะ หากเราไม่แก้ไขปัญหานี้ น้ำมันเชื้อเพลิงที่เราใช้อยู่นั้นมันอาจจะรั่วไปโดนระบบสำคัญต่างๆ ภายในรถยนต์ และยิ่งเมื่อเจอสภาพอากาศร้อนๆ แบบนี้ น้ำมันเชื้อเพลิงตัวนี้สามารถทำให้ไฟลุกไหม้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะค่ะ

ห้ามไม่ให้มีรอยน้ำมันหยดบริเวณใต้ท้องรถ

อย่าให้มีรอยรั่วบริเวณใต้ท้องรถ

อย่าให้มีรอยรั่วบริเวณใต้ท้องรถ เพราะอาจจะก่อให้เกิดประกายไฟได้ 

บริเวณใต้ท้องรถนั้นสิ่งที่เราเห็นเป็นประจำคือ น้ำมัน นั่นเองค่ะ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่สามารถก่อให้เกิดประกายไฟได้ง่ายดายเลยทีเดียว ดังนั้นเราควรเช็คให้ดีค่ะ อย่าให้มีน้ำมันหยดลงมาจากใต้ท้องรถ ถ้าหากว่ามีน้ำมันหยดลงมานั้นเราควรที่จะเช็คหรือถ้ามีปัญหาก็ส่งเข้าซ่อมด่วนเลยค่ะ อย่าปล่อยให้ปัญหานี้บานปลายทีหลังเพราะจะทำให้เรามีปัญหาที่คาดไม่ถึงตามมาได้จ้า

ควรพกถังดับเพลิงหรือขวดน้ำไว้ในรถยนต์เสมอ

ควรจะพกถังน้ำหรือถังดับเพลิงเอาไว้ติดรถ

อย่างที่เดี๊ยนเคยบอกไปเสมอๆ ว่าอุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่เลือกเวลาที่จะเกิด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้คือต้องเตรียมตัวรับมือกับมันค่ะ ความจริงแล้ว เราควรที่จะพกถังดับเพลิงในขนาดปกติหรือขวดน้ำเอาไว้ในรถยนต์ของเราเผื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้ว เราจะได้ใช้เจ้าอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ช่วยชีวิตตนเองและผู้โดยสารที่อยู่ในรถได้เบื้องต้นค่ะ

ห้ามทิ้งสิ่งของที่ทำให้เกิดประกายไฟไว้บนรถ

ห้ามนำทิ้งสิ่งของที่ทำให้เกิดประกายไฟไว้บนรถ

สิ่งที่ต้องป้องกันคือเราน้ำห้ามนำสิ่งของที่ก่อให้เกิดประกายไฟในรถยนต์เอาไว้ค่ะ เช่น กระป๋องสเปรย์ที่ใช้แล้วหรือไม่ใช้แล้วก็ดี พาวเวอร์แพงค์ ไฟแช็ค และอื่นๆ ที่เป็นสารระเหยทำให้เกิดประกายไฟได้ง่ายขึ้น เพราะว่าในขณะที่เครื่องเรากำลังร้อนมากจนฮีทนั้น สิ่งของพวกนี้จะเป็นชนวนชั้นดีที่ทำให้รถยนต์ของเราเกิดประกายไฟไหม้ได้ง่ายที่สุดค่ะ เพราะฉะนั้นห้ามนำมาวางทิ้งไว้ในรถเด็ดขาด

ร้อนนี้ดูแลรถยนต์อย่างไร ให้รถยนต์ “ไม่ร้อนจนไหม้”

อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นหากเรามีการป้องกันอย่างแน่วแน่และระมัดระวังอย่างดีในเรื่องของการดูแลรถยนต์ เช็ครถออกจากบ้านก่อนเป็นยอดดีค่ะ เพราะฉะนั้น ใครที่เป็นคนรถรถแล้วอย่าลืมดูแลรถยนต์ของท่านให้ดีด้วยนะคะ มิเช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์รถยนต์ไฟไหม้ในช่วงหน้าร้อนก็เป็นได้ค่ะ เอาเป็นว่า เดี๊ยนขอฝากวิธีดูแลรถยนต์เอาไว้เท่านี้ เพื่อนๆ ชาว chobrod ก็อย่าลืมลองไปทำตามกันดูนะคะ วิธีง่ายๆ ที่เราสามารถทำกันได้ค่ะ เดี๊ยนต้องขอลาไปก่อนกับคอนเทนต์นี้ เจอกันใหม่คอนเทนต์หน้า สวัสดีจ้า

ดูเพิ่มเติม
>> รู้ไว้ใช่ว่า ... อายุการใช้งานของ “ยางอะไหล่” สามารถใช้งานได้นานเท่าใด?
>> จริงหรือไม่ ?! เติมน้ำมันผิดชีวิตพลิกผันจากเสียแค่หลัก “พัน” กลายเป็นหลัก “แสน”

ติดตามข่าวสารรถยนต์ คลิกที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสองสภาพดี เชิญเข้าดูที่ตลาดรถตรงนี้ 

Maelyn A.