Eider Dave CFMOTO 150!! หนึ่งในรถที่ถูกนิยามว่าเป็นคู่แข่ง M-Slaz!!

Big Bike | 21 มี.ค 2559
แชร์ 0

ยุคนี้เป็นยุคของ 2 ล้อจริงๆ กระแสรถบิ๊กไบค์มาแรงมากๆ โดยเฉพาะในรถClass 150 cc ที่กำลังมาแรง ส่วนนึงอาจเป็นเพราะการเปิดตัวของ Yamaha M-Slaz เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รถแนวสปอร์ต – เนกเกตในคลาส 150 cc เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันเอามากๆ สามารถเอามาใช้งานขับไปทำงาน หรือ เดินทางระยะไกลได้อีกด้วยรวมถึงยังประหยัดเชื้อเพลิง เนื่องจากได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงมีการแข่งขันทางการตลาดใน Class 150 cc กันอย่างหลากหลายแต่ละค่ายก็จะงัดไม้เด็ด ออฟขั่นเสริม ดีไซน์รถ ออกมาแข่งกันแบบว่าต่างค่ายต่างไม่ยอมกั...

ยุคนี้เป็นยุคของ 2 ล้อจริงๆ กระแสรถบิ๊กไบค์มาแรงมากๆ โดยเฉพาะในรถClass 150 cc ที่กำลังมาแรง ส่วนนึงอาจเป็นเพราะการเปิดตัวของ Yamaha M-Slaz เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รถแนวสปอร์ต – เนกเกตในคลาส 150 cc เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันเอามากๆ สามารถเอามาใช้งานขับไปทำงาน หรือ เดินทางระยะไกลได้อีกด้วยรวมถึงยังประหยัดเชื้อเพลิง เนื่องจากได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จึงมีการแข่งขันทางการตลาดใน Class 150 cc กันอย่างหลากหลายแต่ละค่ายก็จะงัดไม้เด็ด ออฟขั่นเสริม ดีไซน์รถ ออกมาแข่งกันแบบว่าต่างค่ายต่างไม่ยอมกันเลยก็ว่าได้ วันนี้เราจะไปชม 1 ในคลาส 150 cc ที่น่าจับตามองอีกคันอย่างเจ้า Eider Dave CFMOTO 150 ไปชมกัน

cfmoto_150_nk

Eider Dave CFMOTO 150 คันนี้เป็นผลงานของ Eider Motor โดยตัวโปรโมทนั้นก็คือสีฟ้าขาวดำ (tri-colors) อย่างที่เราเห็นกันนี้ ทางค่ายได้ให้นิยามมันไว้ว่า street fighter style ขุมพลังเครื่องยนต์ 149.4cc 1 สูบ ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 57.0 mm x 58.6 mm ใช้คลัทช์เปียกแบบซ้อนกันหลายแผ่น ให้แรงม้ามาอยู่ที่ 14.3 bhp ที่ 9,000 รอบต่อนาที ในขณะที่ทอร์คให้มาที่ 12.2 Nm ที่ 6,500 รอบต่อนาที ตัวรถขับเคลื่อนด้วยระบบ 6เกียร์

eider-cfmoto-dave-150-p

ขนาดของตัวรถมีความยาว 2025 mm กว้าง 770 mm และสูง 1070 ความสูงเบาะจากพื้น 785 mm น้ำหนักตัวโดยรวมนั้นอยู่ที่ 135 กก. ถังน้ำมันจุได้ 10 ลิตร ซึ่งขนาดถือว่ากระชับเอามากๆ เหมาะสำหรับขับขี่ในตัวเมืองได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นในที่แคบๆ หรือตามตรอกซอย ซึ่งรุ่นนี้ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ Class 150 cc เลยทีเดียว

150NK-1

คาดกันไว้ว่าเริ่มแรกของรุ่นนี้จะจำหน่ายกันในประเทศอินเดียที่เป็นฐานผลิตหลักของรุ่นนี้กันก่อน ซึ่งราคาวางขายอาจจะถูกกว่าคู่แข่งอยู่พอสมควร คาดกันว่าจะอยู่ในราคาไม่เกิน 65,000 บาท ซึ่งถ้ารุ่นนี้ประสบผลสำเร็จการตลาดในประเทศอินเดีย ก็อาจจะมีแผนการส่งออกต่างประเทศมากขึ้น เราก็คงต้องคอยลุ้นและจับตามองอินเดียอย่างใกล้ชิด ถ้าหากมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมยังไง เราจะคอยแจ้งข่าวสารให้ทราบทันที

150nkfeature2

 

อ่านข่าว มอเตอร์ไซค์&บิ๊กไบค์ เพิ่มเติมคลิกที่นี่!!