กรมศุลกากรเปิดประมูลรถหรูฟัน 607ล้าน ในงานนี้ Lamborghini 36ล้านไม่มีใครชนะการประมูล

ตลาดรถยนต์ในประเทศ | 9 ก.ค 2557
แชร์ 6

เก็บตกจาก 6 วันก่อนที่ทางกรมศุลกากรประมูลรถหรูและรถทั่วไปเป็นจำนวน 355 คัน สมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่าการทำงานเป็นไปด้วยความโปร่งใสและคาดว่าทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้าน พบนักธุรกิจ ประชาชน และเศรษฐีและนักเลงรถให้ความสนใจจำนวนมาก กรมศุลกากรเปิดประมูลรถยนต์ของกลางจำนวน 355 คัน ณ ลานจอดรถหน้าส่วนของกลาง กรมศุลกากร ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อ อาทิ Lamborghini Ferrari BMW Bentley เป็นต้น โดยรถยนต์ที่มีราคาประมูลสูงสุด ได้แก่ Lamborghini รุ่น Aventador 6,500 ซีซี สีดำ ปี 2012 ที่ราคา 19....

เก็บตกจาก 6 วันก่อนที่ทางกรมศุลกากรประมูลรถหรูและรถทั่วไปเป็นจำนวน 355 คัน สมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันว่าการทำงานเป็นไปด้วยความโปร่งใสและคาดว่าทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้าน พบนักธุรกิจ ประชาชน และเศรษฐีและนักเลงรถให้ความสนใจจำนวนมาก กรมศุลกากรเปิดประมูลรถยนต์ของกลางจำนวน 355 คัน ณ ลานจอดรถหน้าส่วนของกลาง กรมศุลกากร ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อ อาทิ Lamborghini Ferrari BMW Bentley เป็นต้น โดยรถยนต์ที่มีราคาประมูลสูงสุด ได้แก่ Lamborghini รุ่น Aventador 6,500 ซีซี สีดำ ปี 2012 ที่ราคา 19.05 ล้านบาทแต่ทางกรมศุลกากรตั้งราคากลางที่ 25 ล้านและคาดว่าจะมีผู้ประมูลให้ราคาสูงถึง 36 ล้าน แต่ก็ไม่มีนักเลงรถเศรษฐีรายใดให้ราคาได้ถึง25 ล้าน จึงทำให้ไม่มีผู้ใดชนะการประมูลรถ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเป็นรถพวงมาลัยซ้ายและอาจจะด้วยในเรื่องของเศรษฐกิจปัจจุบันไม่สู้ดีนัก

Lamborghini Aventador ปี 2012Lamborghini Aventador ปี 2012

ก่อนการประมูล นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายให้การประมูลครั้งนี้โปร่งใส และห้ามมีการถอดส่วนประกอบออกเด็ดขาด โดยรถยนต์ที่จัดประมูลครั้งนี้ จำนวน 355 คัน ซึ่ง 90% จับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าจะทำรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท

ทั้งนี้ ก่อนการประมูลได้เปิดให้ผู้สนใจตรวจสภาพรถในช่วงวันที่ 1-2 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อลงทะเบียนและวางเงินค้ำประกันเป็นแคชเชียร์เช็คของธนาคาร โดยการลงทะเบียนให้เป็นไปตามราคาเปิดประมูล คือ รถยนต์ราคาเปิดประมูลต่ำกว่า 2 ล้านบาท ต้องวางเงินค้ำประกันคันละ 50,000 บาท

ส่วนรถยนต์ราคาเปิดประมูลตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ต้องลงเงินค้ำประกันคันละ 300,000 บาท และได้กำหนดยกป้ายเสนอราคาแต่ละครั้ง เช่น รถยนต์ราคาเปิดต่ำกว่า 500,000 บาท ราคาเพิ่มขึ้นครั้งละ 5,000 บาท ราคาระหว่าง 500,000-1,000,000 บาท ราคาจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 20,000 บาท ราคาระหว่าง 1,000,000-2,000,000 บาท เพิ่มขึ้นครั้งละ 50,000 บาท และราคาตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป ราคาจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 100,000 บาท คาดว่าจะทำรายได้จากการประมูลครั้งนี้ประมาณ 600 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในการประมูลครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจ ประชาชน และเศรษฐีนักเลงรถของเมืองไทยมาร่วม โดยมีไฮไลต์สำคัญ คือ

-รถหมายเลข 6947 Lamborghini รุ่น AVENTADOR 6500 ซีซี ปี 2012 สีดำ ราคาเปิดประมูล 19.05 ล้านบาท ราคาตลาดอยู่ที่ 36 ล้านบาท

-รถหมายเลข 6647 เฟอร์รารี่ รุ่น 16 M SPIDER 4300 ซีซี ปี 2009 สีเหลือง ราคาเปิดประมูล 7.5 ล้านบาท รวมทั้งรถหมายเลข 7213 เบนท์ลีย์ รุ่น FLYING SPUR 6000 ซีซี สีน้ำเงิน ปี 2007 ราคาเปิดประมูล 4.14 ล้านบาท

-รถหมายเลข 7160 เลกซัส รุ่น LS 600 HI 4969 ซีซี ปี 2013 สีดำ ราคาเปิดประมูล 4. 72 ล้านบาท

-รถหมายเลข 7107 มาเซราติ รุ่น QUATTROPORTE 4244 ซีซี ปี 2009 สีดำ ราคาเปิดประมูล 3.5 ล้านบาท

รถหมายเลข 7176 ปอร์เช่ รุ่น CARRERA GTS 3800 ซีซี ปี 2012 สีขาว ราคาเปิดประมูล 6.470 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์หรูหราทั้งรถยุโรปและญี่ปุ่นให้เลือกประมูลซื้ออีกจำนวนมาก เช่นBMW, Audi, เบนซ์, เปอโรดัว, โฟล์คสวาเก้น, โตโยต้า, ฮอนด้า, มาสด้า, นิสสัน, ฮุนได, ซูบารุ, มินิ คูเปอร์ และมิตซูบิชิ

สำหรับบรรยากาศการประมูล เริ่มจากรถคันแรก Bentley ปี 2005 ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท ไล่ราคาประมูลจบที่ 6 ล้านบาท Audi R8 ราคาเริ่มต้น 2.96 ล้านบาท มาจบราคา 5.3 ล้านบาท ขณะที่ ลัมโบกินี รุ่น AVENTADOR 6500 ซีซี ปี 2012 สีดำ ราคาเปิดประมูล 19.05 ล้านบาท แต่มีการไล่ราคาเพียงเล็กน้อย ขณะที่คณะกรรมการอนุมัติขายในราคา 25 ล้านบาท จึงไม่สามารถประมูลรถออกไปได้ โดยการประมูลครั้งนี้รถหรูทุกคันมีสมองกลและขับออกมาโชว์เพื่อเปิดประมูลได้ ทุกคนจึงเข้าร่วมประมูลได้เสรี ไม่ใช่เฉพาะเจ้าของตามที่มีกระแสข่าว

นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังได้ทำการส่งมอบรถยนต์ของกลางที่ถูกโจรกรรมจากมาเลเซีย หลังจากเจ้าของได้มายื่นเอกสารหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ จำนวน 8 คัน และกำลังพิสูจน์หลักฐานรอส่งมอบอีก 122 คัน รถของกลางดังกล่าวได้นำเข้ามาผ่านด่านชายแดนมาเลเซียตามช่องทางปกติ เมื่อจับกุมได้และพิสูจน์ว่ามีเจ้าของเมื่อลักขโมยมา จึงต้องนำส่งคืนมาเลเซีย ยอมรับว่ารถของกลางที่นำออกประมูลมีทั้งการลักลอบนำเข้ามาด้วยวิธีการต่างๆ และการขับรถเข้ามาที่ด่านชายแดน โดยสำแดงว่าเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ จากนั้นจึงไม่ขับรถออกไป