น้อยคนนักที่รู้ความหมายและประโยชน์เกี่ยวกับคำว่า “ค่าขาดประโยชน์” ที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยรถยนต์ของคุณ เป็นสิทธิ์ที่ผู้ใช้รถทุกคนต้องรักษา แต่ก็มีน้อยคนนักที่ทราบ เพียงแค่ประกันรับผิดชอบส่วนตัวรถอย่างเดียวนั้นอาจยังไม่พอกับสิ่งที่ผู้เสียหายได้รับ ทั้งเวลาค่าใช้จ่ายต่างๆ ตอนที่ไม่มีรถ รอซ่อมจอดอยู่ที่อู่
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถคือเงินที่คุณต้องได้เมื่อรอรถซ่อม
เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถ้าตัวคุณเป็นฝ่ายถูก หมายถึง คุณเป็นผู้ถูกละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คุณสามารถเรียกร้องค่าชดเชยขาดประโยชน์ได้จากบริษัทประกันของคู่กรณี ซึ่ง
ความไม่รู้อาจทำให้เสียสิทธิ์ของคุณไปได้ จากประโยชน์ต่างๆ ที่เสียไปเพราะไม่มีรถ
ค่าขาดประโยชน์ คือ ค่าชดเชยที่บริษัทประกัน (คู่กรณี) ต้องจ่ายให้กับคุณ จ่ายเพิ่มเติมในระหว่างที่ไม่มีรถใช้เพราะรอรถซ่อม หรือค่าชดเชยที่เกิดจากการเสียประโยชน์ต่างๆ ในระหว่างที่ไม่มีรถใช้งาน ตัวอย่างเช่น ค่าเดินทาง เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถเบิกได้ในกรณีที่เป็นฝ่ายถูก เมื่อเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น ซึ่งหลายคนไม่ได้เรียกร้องเงินตรงนี้ เนื่องมาจาก การไม่ทราบหรือไม่สนใจสิทธิ์ที่ควรจะได้รับ
ซึ่งการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์นี้ สามารถทำได้ด้วยการไปยื่นเรื่องที่บริษัทประกันของคู่กรณีด้วยตัวคุณเอง หรือเรียกร้องกับคู่กรณีของคุณเองให้คู่กรณีไปติดตามจากประกันอีกที
นอกจากนี้ค่าค่าขาดประโยชน์อาจเกิดมาจากการเสียโอกาสในการใช้รถยนต์เนื่องจากบริษัทประกันหรืออู่ (คู่กรณี) ประวิงการซ่อม หรือซ่อมล่าช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรเพียงพอ ดังนั้นเมื่อคุณเป็นฝ่ายถูก จำเป็นต้องรักษาผลประโยชน์ที่เสียไประหว่างที่นำรถเข้าซ่อมนี้ด้วย
สำหรับบางคนที่ต้องใช้รถเป็นประจำ แล้วไม่มีรถใช้ก็ทำให้ปวดหัวได้เหมือนกัน
เอกสารสำคัญที่ต้องมีประกอบ
การยื่นเรื่องค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันของคู่กรณี เอกสารประกอบที่สำคัญมากๆ นั่นคือ “เอกสารการซ่อมและรับรถ” ซึ่งจะระบุวันเข้าซ่อมและรับรถไว้ชัดเจน สิ่งนั้นแหละคือหลักฐานชิ้นสำคัญที่แสดงว่าคุณเสียประโยชน์จากการไม่มีรถใช้ไปกี่วัน ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคุณต้องขอเอกสารฉบับนี้กับทางอู่ ถ้าไม่ขอทางอู่จะไม่ให้ยอมให้เหมือนกับเป็นที่รู้กันกับบริษัทประกัน ไม่ค่อยให้เอกสารตัวนี้แก่เจ้าของ ถ้าเกิดอู่ส่งรถให้ช้ากว่ากำหนดที่คุยกันไว้หรือระบุไว้ในเอกสารเจ้าของรถก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ใช้ยื่นเรื่องเรียกร้องได้เลย
เอกสารที่คุณต้องเตรียมเพื่อใช้สำหรับการเรียกสินไหมค่าขาดประโยชน์มีดังต่อไปนี้
หนังสือแจ้งความจำนงพร้อมสำเนาหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างรอรถซ่อม เช่นบิลใบเสร็จจากการเช่ารถ เมื่อตอนที่รถของคุณซ่อมอยู่ในอู่, เขียนรายการบอกถึงรายได้ที่เสียไปจากการไม่มีรถใช้ ในกรณีที่รถเป็นเครื่องมือหลักในการทำมาหากินของคุณ เป็นต้น
สำเนาใบเคลม หรือรายละเอียดการซ่อมรถยนต์ของคุณ ที่มีการระบุวันรับรถและส่งคืน ชัดเจน
สำเนาใบเคลมจากคู่กรณี
สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาหน้ากรมธรรม์ประกันรถยนต์ของคุณ
สำเนาทะเบียนรถ
เมื่อเตรียมเอกสารเหล่านี้ครบเรียบร้อยแล้ว ให้โทรไปบริษัทประกันของคู่กรณี แจ้งว่าจะขอเรียกร้อง “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม" โดยคุณสามารถนำส่งเอกสารได้หลายวิธี ทั้งไปยื่นที่บริษัทประกันโดยตรง, ส่ง Fax, E-mail หรือส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ด้วยเช่นกัน จากนั้นรอทางบริษัทประกันติดต่อกลับมา
ขั้นตอนต่างๆ หลังจากยื่นเอกสารทำเรื่องเรียกร้องค่าขาดประโยชน์มีดังต่อไปนี้
รอให้บริษัทประกันติดต่อกลับมา ถ้านานเกินสัปดาห์ให้โทรตามที่บริษัทประกันถามถึงความคืบหน้า ว่าเรื่องดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหนแล้ว
ถ้าเรื่องอนุมัติ บริษัทประกันส่วนใหญ่จะต่อรองราคากับคุณ จะไม่ได้เงินเต็มจำนวนตามที่เรียกร้องไป ต่อไปก็อยู่ที่คุณแล้วว่าจะรับได้กับราคาหรือเปล่า ถ้าจำนวนเงินน้อยจนไม่สามารถยอมรับได้ ก็สามารถไปทำเรื่องร้องเรียได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อช่วยไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายตกตงกันได้
ถ้าคุณรับราคาที่บริษัทประกันต่อรองมาได้ บริษัทจะส่งเอกสารใบตกลงรับค่าสินไหมเพื่อให้คุณเซ็นยอมรับ ผ่านทาง Fax หรือ E-mail และส่งกลับไปให้บริษัท เพื่อเป็นหลักฐาน
รอรับเงินค่าชดเชยโดยบริษัทประกันอาจชำระผ่านมาทางเช็คหรือโอนเงินเข้าบัญชีของคุณ
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับ คือ ค่าขาดประโยชน์ที่ได้กลับคืนมาจากการเรียกร้องไปนั้น ส่วนใหญ่บริษัทจะยอมจ่ายให้กลับมาไม่เท่ากับที่คุณเสียประโยชน์ไปจริงๆ แทบจะเทียบกันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งโดยทั่วไปจะให้ไปเกิน 3,000 บาท บวกลบไม่มาก แม้คุณจะระบุรายการค่าเสียประโยชน์ โดย List ออกมาเป็นข้อๆ ชัดเจนแค่ไหนก็ตาม บริษัทประกันก็จะพยายามอ้างโน่นอ้างนี่ประวิงเวลาจนคุณรำคาญ ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้และสุดท้ายก็ต้องยอมรับเงินที่บริษัทประกันเสนอจ่ายมา
อย่าหวังว่าบริษัทประกันจะยอมจ่ายเงินตามข้อเรียกร้องเต็มจำนวน ข้ออ้างสารพัดจะทำให้คุณไม่ได้รับเงินตามที่เรียกร้องไป
มีตัวอย่างของผู้ใช้รถที่ยื่นเรื่องค่าขาดประโยชน์ไปเป็นจำนวนเงินเกือบ 30,000 บาท โดยระบุสิ่งที่เสียประโยชน์ไปทุกอย่างชัดเจนแต่บริษัทประกันกลับยอมจ่ายเพียงแค่ 1,500 บาทเท่านั้นตอนที่อนุมัติ จนต้องไปร้องเรียนที่ คปภ. เพื่อเข้ามาช่วยในการไกล่เกลี่ยเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา
จนสุดท้ายบริษัทประกันก็ยอมจ่ายจริงแค่ 3,500 บาทเท่านั้น
ถ้าคุณมองว่าค่าเรียกร้องที่บริษัทประกันยอมจ่ายไม่สมเหตุสมผลสามารถแจ้งร้องเรียนขอความเป็นธรรมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตามลิงค์นี้
มองโลกในแง่ดี ได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย
คนที่มีรถใช้งานเพียงคันเดียวแล้วรถต้องมาเข้าอู่ซ่อม ทำให้ไม่มีใช้เป็นอะไรที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน ทั้งรายจ่ายและเวลาที่ต้องใช้มากขึ้นจากการเดินทาง บางคนต้องใช้รถเป็นหลักสำหรับหารายได้ด้วยยิ่งลำบากหนัก แม้จะเสียประโยชน์มากแค่ไหนแต่ถ้าบริษัทประกันยอมจ่ายเพียงน้อยนิด เทียบไม่ได้เลยกับประโยชน์ที่ต้องสูญไป ก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาล แต่สำหรับคนที่ไม่อยากเสียเวลาทำมาหากิน อาจยอมรับกับจำนวนเงินที่บริษัทประกันต่อรองราคามาแม้จะต่างกับค่าขาดประโยชน์จริงอย่างสิ้นเชิง แต่ได้น้อยยังก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
อย่างไรก็ดี ข้อเรียกร้องต่างๆ ก็ควรสมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน เพื่อให้มีน้ำหนักเพียงพอถ้าเรื่องราวถึงในขั้นศาล อย่างน้อยบทความนี้ก็อาจจะช่วยให้คนที่ไม่รู้มาก่อน ว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ถ้าเป็นฝ่ายถูก สิ่งที่ต้องเรียกร้องและขาดไม่ได้เลย คือ ค่าขาดประโยชน์ต่างๆ ที่คุณสมควรได้รับ เพราะไม่มีรถ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บริษัทประกันไม่ยอมบอกกับคุณ