คุณรู้หรือไม่ว่า อัตราสิ้นเปลืองที่เครื่องยนต์ค่อยๆเผาผลาญน้ำมันขณะรถติดไฟแดงนั้น คิดเป็นจำนวนเท่าไหร่ เคยสังเกตุไหมว่าระหว่างใส่เกียร์ “D” ทิ้งไว้ กับปลดเกียร์ว่าง อันไหนจะประหยัดกว่ากัน วันนี้เรามีคำตอบมาฝากครับ
คนใช้รถยนต์ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับอัตราการสิ้นเปลืองของรถตัวเองกันอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่หลายๆคนลืมคิดไปนั่นก็คือ การจอดรถติดไฟแดงหรือจอดนิ่งนานๆในขณะที่รถติด นั้นก็เป็นอีกปัจจัยหลักๆที่จะส่งผลต่อเงินในกระเป๋าของคุณเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรุงเทพฯ อาจจะทำให้เงินของคุณสูญไปเปล่าๆแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยก็ได้
ขณะรถติดไฟแดง คนส่วนมากเลือกที่จะใช้เกียร์เดินหน้า “D” แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ เพื่อความคล่องตัวหากคันหน้าเริ่มขยับ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่เลือกวิธีการเข้าเกียร์ว่าง (N) แทน เพื่อความสะดวกสบาย หรืออาจจะด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องกังวลว่ารถจะพุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งการกระทำทั้ง 2 แบบนั้น ส่งผลต่ออัตราการเผาผลาญที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!
จากการทดสอบด้วยรถ BMW 325ci โมเดล E93 รุ่นปี 2009 เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ซึ่งสมัยนั้นเคลมอัตราสิ้นเปลืองไว้ที่ 13.33 กม./ลิตร (Combined Mode) และ 9.8 กม./ลิตร (ในเมือง) ตามมาตรฐานยุโรป
ตัวเลขที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ อ้างอิงตัวเลขที่ได้จากออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ของรถเอง โดยคิดเป็นหน่วย ‘ลิตรต่อชั่วโมง’ พร้อมทั้งเปิดแอร์ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 24 องศาเซลเซียสตลอดทั้งการทดสอบ
ผลที่ออกมาก็คือ ขณะใส่เกียร์ (D) แล้วเหยียบเบรกค้างไว้ ค่าอัตราสิ้นเปลืองได้อยู่ที่ 2.8 ลิตรต่อชั่วโมง แต่ในขณะที่ใส่เกียร์ว่าง (N) พบว่าอัตราสิ้นเปลืองลดลงเหลือประมาณ 2 ลิตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าอัตราการสิ้นเปลืองของการทดสอบทั้ง 2 แบบนั้น ต่างกันถึง 0.8 ลิตรเลยทีเดียว อาจจะยังเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก แต่ถ้าลองคิดแบบระยะยาวสักหนึ่งเดือน ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะทำให้คุณเปลี่ยนใจ มาใช้เกียร์ว่าง (N) ในขณะที่รถติดนานๆก็เป็นได้
อ่านข่าวสารยานยนต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่!